กำลังโหลด...

×



Tax ปัญหาในการกรอกแบบ Disclosure Form กรณีกลุ่มผู้ถือห...

magazine image
Tax

ปัญหาในการกรอกแบบ Disclosure Form กรณีกลุ่มผู้ถือหุ้น

แบบรายงานประจำปีสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร หรือที่เรียกว่า Disclosure Form เป็นแบบที่มีประกาศอธิบดีกรมสรรพากรให้นิติบุคคลที่เข้าข่ายมีความสัมพันธ์กัน ต้องทำและยื่นแบบพร้อม ภ.ง.ด.50 ตั้งแต่รอบบัญชีที่เริ่มในหรือหลัง 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป โดยกรมสรรพากรได้จัดทำคำอธิบายประกอบการกรอกแบบ Disclosure Form ที่มีตัวอย่างของบริษัทถือหุ้นระหว่างกันลักษณะใดบ้างที่เข้าข่ายเป็นนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้เสียภาษีในการพิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์ที่จะต้องจัดทำและยื่นแบบ Disclosure Form หรือไม่ หากเข้าข่ายแต่ไม่ได้จัดทำและยื่นแบบ Disclosure Form จะมีบทลงโทษตามมาตรา 35 ตรี ค่าปรับไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งในช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา มีผู้เสียภาษีหลายรายถูกให้ชำระค่าปรับ เนื่องจากไม่ยื่นแบบ Disclosure Form บทความฉบับนี้จะได้กล่าวถึงประเด็นปัญหานี้

การให้ผู้เสียภาษีจัดทำและยื่นแบบ Disclosure Form เพื่อกรมสรรพากรจะนำมาเป็นข้อมูลวิเคราะห์ธุรกรรมราคาโอนระหว่างนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันว่าจะมีการเจตนาถ่ายโอนกำไรเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่ โดยบริษัทที่เข้าข่ายเป็นนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันจะมีกฎหมายเขียนชัดเจนในประมวลรัษฎากร มาตรา 71 ทวิ วรรคสอง ดังนี้

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตั้งแต่ 2 นิติบุคคลขึ้นไปที่มีความสัมพันธ์กันในลักษณะดังต่อไปนี้

1. นิติบุคคลหนึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนทั้งหมด

2. ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลหนึ่งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนทั้งหมด ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนทั้งหมด หรือ

3. นิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์ระหว่างกันในด้านทุน การจัดการ หรือการควบคุม ในลักษณะที่นิติบุคคลหนึ่งไม่อาจดำเนินการโดยอิสระจากอีกนิติบุคคลหนึ่งตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง

ความสัมพันธ์ตามข้อ 1. กฎหมายเขียนชัดเจนว่าเป็นนิติบุคคลหนึ่งถือหุ้นอีกนิติบุคคลหนึ่ง ส่วนความสัมพันธ์ตามข้อ 3. กรมสรรพากรยังไม่มีกฎกระทรวงออกมา จึงยังไม่มีการบังคับใช้ ดังนั้นประเด็นคือการพิจารณาความสัมพันธ์ตามข้อ 2.ข้างต้น

 

ประเด็นปัญหาการตีความ 

1. คำว่า “ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วน” ที่จะถือหุ้นตั้งแต่ 50% ขึ้นไปนั้น หมายถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลหนึ่งรายหรือครอบคลุมมากกว่าหนึ่งรายรวมกัน จึงมีข้อสงสัยว่าหากบุคคลธรรมดา 3 คน ถือหุ้นในบริษัท 2 แห่ง แต่ละคนถือหุ้นไม่ถึง 50% แต่เมื่อรวมกัน 3 คน ถือหุ้นเกิน 50% ทั้ง 2 บริษัท โดยที่ผู้ถือหุ้นทั้ง 3 คนนี้ไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นครอบครัวกันแต่อย่างใด 2 บริษัทนี้ถือเป็นนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามความหมายของสรรพากรหรือไม่ 

2. ในคำอธิบายประกอบการยื่นแบบ Disclosure Form ของกรมสรรพากร จะมีตัวอย่างลักษณะผู้ถือหุ้นที่เข้าข่ายตามข้อ 2. ดังกล่าว ซึ่งจะมีเพียงตัวอย่างผู้ถือหุ้นที่เป็นนิติบุคคลรายเดียวถือหุ้นทางตรงหรือทางอ้อมในนิติบุคคล 2 แห่งมากกว่า 50% นิติบุคคลทั้ง 2 จึงเป็นนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน

ในทางปฏิบัตินั้น การยื่น Disclosure Form ส่วนใหญ่จึงเข้าใจว่าผู้ถือหุ้นหมายถึงหนึ่งราย ประกอบกับผู้ถือหุ้นไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน ดังนั้นถ้ามีกรณีตาม 1. ข้างต้น จึงไม่มีการยื่นแบบ Disclosure Form 

แนวทางกรมสรรพากร

มีหนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0702/217 ลงวันที่ 14 มกราคม 2565 (อ้างอิงวารสารเอกสารภาษีอากร ฉบับเดือนเมษายน 2565 หน้า 132) กรมสรรพากรมีคำวินิจฉัยกรณีบุคคลธรรมดาถือหุ้นในนิติบุคคล 3 แห่งดังนี้

ผู้ถือหุ้น

บริษัท ว.

บริษัท ส.

บริษัท อ.

จำนวนหุ้น

ร้อยละ

จำนวนหุ้น

ร้อยละ

จำนวนหุ้น

ร้อยละ

นาย ส.

730

73

400

40

500

50

นาง ป.

170

17

400

40

400

40

นางสาว ล.

100

10

200

20

100

10

จากโครงสร้างการถือหุ้นดังกล่าว กรมสรรพากรวินิจฉัยว่าผู้ถือหุ้นทั้ง 3 ถือหุ้นรวมกันเกิน 50% ในบริษัท ว. บริษัท ส. และบริษัท อ. บริษัททั้ง 3 จึงเป็นนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ วรรคสอง (2) หากมีรายได้มากกว่า 200 ล้านบาท มีหน้าที่ต้องจัดทำและยื่น Disclosure Form 

ปัญหาในทางปฏิบัติ

บริษัทแต่ละแห่งจะไม่สามารถทราบได้ว่าผู้ถือหุ้นของตนไปถือหุ้นบริษัทไหนอีกบ้าง ทำให้ไม่สามารถรวบรวมจำนวนหุ้นที่ถือรวมกันถึง 50% หรือไม่ เว้นแต่กรณีผู้ถือหุ้นเป็นบุคคลในครอบครัว กรณีนี้เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 กรมสรรพากรได้มีการขยายเวลาการยื่นแบบ Disclosure Form ของปี 2563 ไปจนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 จึงเป็นการบรรเทาภาระค่าปรับให้แก่ผู้เสียภาษี ผู้เสียภาษีต้องให้ผู้ถือหุ้นทุกรายแจ้งว่าตนเองถือหุ้นที่บริษัทใดอีกบ้าง เพื่อนำมาคำนวณหาสัดส่วนตามแนววินิจฉัยกรมสรรพากร

อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของผู้เขียน การวินิจฉัยของกรมสรรพากรแนวนี้เป็นปัญหาในทางปฏิบัติ กรณีที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน นั่นหมายถึงบริษัทที่ถูกถือหุ้นจะไม่ได้ถูกควบคุมโดยกลุ่มคนเหล่านี้ถึงระดับที่จะทำให้บริษัทที่ถูกถือหุ้นไม่อาจดำเนินการโดยอิสระต่อกัน จึงจะไม่มีการถ่ายโอนกำไรระหว่างกันที่จะเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายในการจัดทำเอกสาร Disclosure Form หากกังวลว่าผู้ถือหุ้นเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน กรมสรรพากรก็สามารถจะพิจารณานำมาตรา 76 ทวิ วรรคสอง (3) กรณีนิติบุคคลที่กลุ่มผู้ถือหุ้นมีการจัดการ หรือการควบคุม ในลักษณะที่นิติบุคคลหนึ่งไม่อาจดำเนินการโดยอิสระจากอีกนิติบุคคลหนึ่งมาใช้ ก็จะลดปัญหากรณีกลุ่มผู้ถือหุ้นที่มิได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน และไม่มีการถ่ายโอนกำไรก็จะตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมายราคาโอน

คงต้องติดตามเมื่อกรมสรรพากรออกกฎกระทรวงมาบังคับใช้ต่อไป

 

Top 5 Contents