กำลังโหลด...

×



Tax ภาษีคริปโทเคอร์เรนซี

magazine image
Tax

ภาษีคริปโทเคอร์เรนซี

Cryptocurrency หรือคริปโทเคอร์เรนซี ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ปัจจุบันการลงทุนไปกับคริปโทเคอร์เรนซีมีรูปร่างที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะมีกฎหมายมารองรับ จึงทำให้เกิดชัดเจนกว่าเดิม และมีแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ถูกจัดทำขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายของไทย ถือเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ที่ต้องมาทำความรู้จักและความเข้าใจให้มากขึ้น

คริปโทเคอร์เรนซีกับโลกการเงินดิจิทัล

สกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือ สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ประเภทหนึ่งที่มีการรักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับสกุลเงินทั่วไป (Fiat Currency) เพียงแต่ไม่สามารถจับต้องได้

แม้ว่าในปัจจุบันคริปโทเคอร์เรนซีจะยังไม่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายดังเช่นสกุลเงินทั่วไป (ยกเว้นประเทศเอลซัลวาดอร์ซึ่งเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติให้บิตคอยน์สามารถใช้ชำระหนี้ตามกฎหมายได้) แต่ก็มีธุรกิจหลายแห่งเริ่มมีการนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซีมาใช้เพื่อปรับตัวรับโลกการเงินที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป เช่น การรับชำระค่าสินค้าและบริการด้วยบิตคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ

ประโยชน์ของคริปโทเคอร์เรนซี

  • ทำธุรกรรมได้ง่ายและรวดเร็ว เนื่องจากธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซีเป็นแบบดิจิทัลทั้งหมด จึงมีความสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมภายในประเทศหรือระหว่างประเทศด้วยเทคโนโลยีเหนือกว่าธนาคารแบบดั้งเดิม
  • ต้นทุนในการทำธุรกรรมต่ำ ใครที่เคยโอนเงินระหว่างประเทศจะทราบกันดีว่าค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมค่อนข้างสูง แต่หากทำธุรกรรมผ่านคริปโทเคอร์เรนซีจะช่วยลดต้นทุนในส่วนของค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมไปได้มากเมื่อเปรียบเทียบกับบริการทางการเงินอื่น ๆ
  • มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว เนื่องจากคริปโทเคอร์เรนซีทำงานอยู่บนเทคโนโลยีที่ชื่อว่า “Blockchain” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ยากต่อการถอดรหัสทางคณิตศาสตร์ ทำให้สกุลเงินดิจิทัลปลอดภัยกว่าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป
  • ความโปร่งใสที่เหนือกว่า ธุรกรรมแต่ละรายการของคริปโทเคอร์เรนซีจะถูกบันทึกในบัญชีแยกประเภท โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งไม่สามารถแก้ไข ย้อนกลับ หรือทำลายข้อมูลได้
  • ป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ ปัจจุบันเริ่มเห็นข่าวมหาเศรษฐีชาติต่าง ๆ เก็บบิตคอยน์เข้าพอร์ตเพื่อป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ เนื่องจากเชื่อว่าเหรียญที่มีอุปทานจำกัด อย่างเช่น Bitcoin สามารถนำมาเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อได้
  • เปิดซื้อขายแลกเปลี่ยน 24 ชั่วโมง เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับตลาดหุ้นที่มีวันหยุดและเวลาเปิดปิดอย่างชัดเจน แต่สำหรับตลาดคริปโทเคอร์เรนซีนั้นมีสภาพคล่องสูง เพราะเปิดให้ซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุด

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซี

พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 

สรุปสาระสำคัญของพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) สินทรัพย์ดิจิทัลฯ กำหนดหลักเกณฑ์การกำกับดูแลการระดมทุนต่อประชาชนผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัล การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และการดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ดังนี้

ประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัล

สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ที่อยู่ภายใต้บังคับของพระราชกำหนดนี้ ได้แก่ คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล ซึ่งมีลักษณะดังต่อไปนี้ (มาตรา 3)

(1) “คริปโทเคอร์เรนซี” คือ หน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีความประสงค์ที่จะใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้า บริการ หรือสิทธิอื่นใด หรือแลกเปลี่ยนระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัล และหมายความรวมถึงหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อื่นที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนดเพิ่มเติม

(2) “โทเคนดิจิทัล” คือ หน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของบุคคลในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือกิจการใด ๆ หรือกำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้า บริการ หรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในข้อตกลงระหว่างผู้ออกและผู้ถือ และหมายความรวมถึงหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อื่นที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนดเพิ่มเติม

ซึ่งคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ออกประกาศกำหนดให้คริปโทเคอร์เรนซีที่ผู้ออกมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนจากประชาชนและมีการกำหนดสิทธิของบุคคลในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการ หรือกิจการใด ๆ หรือมีการกำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใด ๆ ถือเป็นโทเคนดิจิทัลด้วย

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเสียภาษีคริปโทเคอร์เรนซี

  • มาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร (4) (ช) เงินส่วนแบ่งกำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกันที่ได้จากการถือครอบครองโทเคนดิจิทัล
  • มาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร (4) (ฌ) ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ทั้งนี้ เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน
  • มาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากร (2) (ฉ) ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ช) และ (ฌ) ให้คำนวณหักในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้

รายได้จากคริปโทเคอร์เรนซีรูปแบบใดบ้างที่จะต้องนำมาเสียภาษี

1. การจำหน่าย จ่าย โอน หรือแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัล

การจำหน่าย จ่าย โอน หรือแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลให้แก่บุคคลอื่น เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุนถือเป็นเงินได้ มาตรา 40 (4) (ฌ) แห่งประมวลรัษฎากร การคำนวณต้นทุนคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลประเภทเดียวกันให้ใช้วิธีที่มาตรฐานการบัญชีรับรอง เช่น วิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) หรือวิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average Cost) และให้คำนวณต้นทุนแยกตามประเภทของเหรียญ ผู้มีเงินได้สามารถเลือกวิธีคำนวณต้นทุนใดก็ได้ เมื่อเลือกวิธีการคำนวณต้นทุนวิธีใดแล้วต้องใช้วิธีนั้นตลอดปีภาษี

2. การขุดคริปโทเคอร์เรนซี

ณ วันที่ได้รับคริปโทเคอร์เรนซีจากการขุดยังไม่ถือเป็นเงินได้พึงประเมิน แต่เมื่อมีการจำหน่าย จ่าย โอน หรือแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่ขุดมาได้ ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามความจำเป็นและสมควร แต่ผู้ขุดต้องเก็บเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องและจัดทำบัญชีต้นทุน เช่น ค่าซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ ค่าจ้างพนักงาน ค่านายหน้า ค่าไฟฟ้า ค่าอินเทอร์เน็ตที่เกิดขึ้นจริงในปีภาษี เป็นต้น รวมถึงค่าใช้จ่ายที่มีลักษณะเป็นการลงทุนในทรัพย์สิน เช่น คอมพิวเตอร์ โดยทยอยหักค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 145) ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502 มาตรา 8 ทวิ (สามารถดูตัวอย่างการพิจารณาตามข้อหารือภาษีอากร เลขที่หนังสือ กค 0706/47 ลงวันที่ 3 มกราคม 2551)

การคำนวณต้นทุนคริปโทเคอร์เรนซีประเภทเดียวกันให้ใช้วิธีที่มาตรฐานการบัญชีรับรอง เช่น วิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) หรือวิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average Cost) และให้คำนวณต้นทุนแยกตามประเภทของเหรียญ ผู้มีเงินได้สามารถเลือกวิธีคำนวณต้นทุนใดก็ได้ เมื่อเลือกวิธีการคำนวณต้นทุนวิธีใดแล้วต้องใช้วิธีนั้นตลอดปีภาษี

3. ได้รับคริปโทเคอร์เรนซีเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง

พนักงานได้รับเงินเดือนเป็นคริปโทเคอร์เรนซีถือเป็นเงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ถือเป็นผู้ได้รับเงินได้พึงประเมินประเภท 40 (1)

ผู้รับจ้างได้รับค่าจ้างเป็นคริปโทเคอร์เรนซีถือเป็นเงินได้จากการรับทำงานให้นั้น ไม่ว่าหน้าที่ หรือตำแหน่งงาน หรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นการประจำหรือชั่วคราว ผู้มีเงินได้กรณีนี้ถือเป็นผู้ได้รับเงินได้พึงประเมินประเภท 40 (2)

หากได้รับเงินเดือนซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และได้รับค่าจ้างซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) จากนายจ้างรายเดียวกันด้วยแล้ว ผู้มีเงินได้จะต้องรวมแสดงเป็นเงินได้ประเภท 40 (1)

การวัดมูลค่าคริปโทเคอร์เรนซีทั้งการคำนวณต้นทุนและรายได้ ให้ใช้มูลค่า ณ เวลาที่ได้มาหรือราคาถัวเฉลี่ยในวันที่ได้มา ซึ่งเป็นราคาอ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ราคาที่ประกาศโดย Exchange ที่จัดทำขึ้นตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และให้เลือกใช้วิธีนั้นตลอดปีภาษี

กรณีได้รับเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง เมื่อนำมูลค่าที่ได้รับไปเสียภาษีแล้วจะสามารถนำมาใช้เป็นต้นทุนในการคำนวณภาษีเมื่อจำหน่ายออกไปจริงได้

4. ได้รับคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลจากการให้หรือได้รับเป็นรางวัล

ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร เงินได้จากธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (7) แล้ว ตัวอย่างเช่น ได้รับแจกเมื่อเข้าร่วมกิจกรรม ได้รับเป็นรางวัลส่งเสริมการขาย เป็นต้น 

การวัดมูลค่าคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลทั้งการคำนวณต้นทุนและรายได้ ให้ใช้มูลค่า ณ เวลาที่ได้มา หรือราคาถัวเฉลี่ยในวันที่ได้มา ซึ่งเป็นราคาอ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ราคาที่ประกาศโดย Exchange ที่จัดทำขึ้นตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และให้เลือกใช้วิธีนั้นตลอดปีภาษี 

กรณีได้รับเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลมา เมื่อนำมูลค่าที่ได้รับไปเสียภาษีแล้วจะสามารถนำมาใช้เป็นต้นทุนในการคำนวณภาษีเมื่อจำหน่ายออกไปจริงได้

5. ได้รับผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครอง

5.1 โทเคนดิจิทัล ตัวอย่างเช่น Yield Farming หรือ Staking เป็นต้น 

ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ซ) แห่งประมวลรัษฎากร เงินส่วนแบ่งกำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะ เดียวกันที่ได้จากการถือหรือครอบครองโทเคนดิจิทัล

การวัดมูลค่าโทเคนดิจิทัลทั้งการคำนวณต้นทุนและรายได้ ให้ใช้มูลค่า ณ เวลาที่ได้มาหรือราคาถัวเฉลี่ยในวันที่ได้มา ซึ่งเป็นราคาอ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ราคาที่ประกาศโดย Exchange ที่จัดทำขึ้นตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และให้เลือกใช้วิธีนั้นตลอดปีภาษี 

กรณีได้รับโทเคนดิจิทัลและนำมูลค่าโทเคนดิจิทัลที่ได้รับไปเสียภาษีแล้ว จะสามารถนำมาใช้เป็นต้นทุนในการคำนวณภาษีเมื่อจำหน่ายออกไปได้

5.2 คริปโทเคอร์เรนซี ตัวอย่างเช่น Yield Farming หรือ Staking เป็นต้น 

ผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครองคริปโทเคอร์เรนซี ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร เงินได้จากธุรกิจ การพาณิชย์ หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (7) แล้ว 

การวัดมูลค่าคริปโทเคอร์เรนซีทั้งการคำนวณต้นทุนและรายได้ ให้ใช้มูลค่า ณ เวลาที่ได้มาหรือราคาถัวเฉลี่ยในวันที่ได้มา ซึ่งเป็นราคาอ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ราคาที่ประกาศโดย Exchange ที่จัดทำขึ้นตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และให้เลือกใช้วิธีนั้นตลอดปีภาษี 

กรณีได้รับคริปโทเคอร์เรนซีและนำมูลค่าคริปโทเคอร์เรนซีที่ได้รับไปเสียภาษีแล้ว จะสามารถนำมาใช้เป็นต้นทุนในการคำนวณภาษีเมื่อจำหน่ายออกไปได้

โดยกระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรได้ตระหนักถึงความเท่าเทียมกันในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของไทย จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 779) พ.ศ. 2566 ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับกรณีดังต่อไปนี้

1 การโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) ใน Exchange ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

2. การโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) ผ่าน Broker ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

3. การโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) ให้แก่ Dealer ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

4. การโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) โดย Dealer ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

ทั้งนี้ การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอน Investment Token ทั้งในตลาดแรกและในตลาดรองมีผลตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนในประเทศไทย ซึ่งลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษี และประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Hub) เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นตามมา

และล่าสุดกระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรตระหนักถึงความสำคัญของโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำหรับการระดมทุนของผู้ประกอบธุรกิจในประเทศ จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ...) พ.ศ. … (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token)) ต่อคณะรัฐมนตรี โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งได้รับเงินส่วนแบ่งของกำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกันที่ได้จากการถือหรือครอบครองโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ตามมาตรา 40 (4) (ซ) แห่งประมวลรัษฎากร และผู้จ่ายเงินได้ได้หักภาษี ณ ที่จ่าย ไว้แล้วตามมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ในอัตราร้อยละ 15 สามารถเลือกไม่นำเงินส่วนแบ่งของกำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดนั้นมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เฉพาะกรณีไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้คืนหรือไม่ขอเครดิตภาษีที่ถูกหักไว้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ทั้งนี้ สำหรับเงินส่วนแบ่งของกำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

Top 5 Contents